ชยธรตั้งเป้าติดทัพยู-23ลุยคัดเอเชีย

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 15 ก.ย. 2564 11:38:21 น. เข้าชม 518 ครั้ง แจ้งลบ

ชยธร เทพสุวรรณวร มิดฟิลด์ดาวโรจน์ของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สุดภูมิใจกับการได้สวมเสื้อทีมชาติครั้งแรกในรอบ 8 ปี เจ้าตัวหวังผลงานจากการเก็บตัวในแคมป์จะเข้าตาโค้ชและทำให้มีชื่อไปลุยศึก U-23 เอเชียนคัพ รอบคัดเลือก ในช่วงปลายเดือนหน้า

การมีรายชื่อถูกเรียกเข้าแคมป์เก็บตัวทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีที่ “ไมเคิล” ได้มีชื่ออยู่ในสารบบทีมชาติ โดยครั้งล่าสุดต้องย้อนไปไกลถึงปี 2013 กับการติดทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งถึงแม้ครั้งนี้จะเป็นแค่การฝึกซ้อมเพื่อดูฟอร์มของนักเตะหลายๆคน แต่เจ้าตัวก็สุดภูมิใจและถือเป็นประสบการณ์ที่เขาจะไม่มีวันลืม
ชยธรกล่าวว่า “ถือเป็นครั้งแรกของผมครับกับการได้มีชื่อติดทีมชาติในระดับนี้ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่และดีมากๆครับ บรรยากาศในแคมป์เก็บตัวครั้งนี้ค่อนข้างอบอุ่น เพราะมีแต่เพื่อนๆรุ่นเดียวกันทั้งนั้นครับ เรามีเกมอุ่นเครื่องระหว่างนักเตะด้วยกันทั้งหมด 3 เกม ผมได้ลงเล่นเต็มเกมไป 2 นัด ส่วนอีกนัดได้ลงเล่นครึ่งเดียว ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้โค้ชได้เห็นความสามารถของผู้เล่นทุกคนที่เรียกมาติดทีมในครั้งนี้ครับ”
“สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดกับการฝึกซ้อมในระดับสโมสรก็คือ ในทีมชาติตัวผู้เล่นจะมาจากหลากหลายสโมสรครับ แน่นอนว่าแต่ละคนก็มีพื้นฐานและความคิดที่ต่างกัน ไม่ได้เหมือนกับในสโมสรที่เรามีความคุ้นเคยและได้อยู่ด้วยกันในทุกๆวัน ก็ถือว่าต้องปรับตัวพอสมควรครับ”
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลรายการ เอเอฟซี เอเชียนคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก จะจัดขึ้นที่ประเทศมองโกเลียระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งกองกลางวัย 21 ปีรายนี้ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานในช่วงการเก็บตัวจะทำให้เขามีโอกาสติดทีมไปลุยศึกครั้งนี้ ถึงแม้จะมีนักเตะตัวหลักหลายคนที่ยังไม่ได้ถูกเรียกตัวมาก็ตาม
“เมื่อมาถึงจุดนี้ทุกคนก็หวังจะมีชื่อติดทีมไปเล่นทัวร์นาเมนต์นี้ ผมเองก็เช่นกันครับ ผมอยากไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศชาติ แน่นอนว่าโอกาสมันก็ไม่ง่าย เพราะผู้เล่นตัวหลักในรุ่นนี้หลายคนไม่ได้มาเข้าแคมป์เก็บตัวด้วย อย่างไรก็ตามผมก็ทำเต็มที่แล้วในการเก็บตัวที่ผ่านมา ก็หวังว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่ามีดีพอกับการติดทีมไปเล่นที่มองโกเลียครับ” ไมเคิลกล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณข้อมูล 

ติดตามบทความได้ที่ : https://www.thsport.com/news-125853.html